วิชาเทคโนโลยี ชั้นม.5/2 กลุ่ม A4
โรงเรียนท่ามะกาวิทยาคม อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี 71120
วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2563
วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2563
โรคระบาด Covid-19
โรค Covid-19
โรคCovid-19 คือโรคอะไร?
โรคโควิด 19 คือโรคติดต่อซึ่งเกิดจากไวรัสโคโรนาชนิดที่มีการค้นพบล่าสุด ไวรัสและโรคอุบัติใหม่นี้ไม่เป็นที่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งต้นกำเนิดแรกมีการระบาดในเมืองอู่ฮั่นประเทศจีนในเดือนธันวาคมปี2019 ขณะนี้โรคโควิด19 มีการระบาดใหญ่ไปทั่ว ส่งผลกระทบแก่หลายประเทศทั่วโลก
ที่มาของโรคCovid-19
- ต้นตอของไวรัสน่าจะมาจากการที่ไวรัสจากสัตว์ตัวกลางระบาดมาสู่คน
- ผู้ป่วยรายแรกเท่าที่ทราบกัน เริ่มมีอาการตั้งแต่วันที่1 ธันวาคม และไม่มี ความเชื่อมโยงกับตลาดต้องสงสัยในเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน แต่ผู้ป่วยหลายรายอาจมีมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนหรือก่อนหน้านั้น
- มีการเก็บตัวอย่างจากสิ่งแวดล้อมในตลาดไปส่งตรวจและพบเชื้อไวรัส และพบมากที่สุดในบริเวณที่ค้าสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม
- ตลาดอาจเป็นต้นกําเนิดของไวรัส หรืออาจมีบทบาทในการขยายวงของการระบาดในระยะเริ่มแรก
- มีไข้
- ไอแห้ง
- อ่อนเพลีย
- อาการที่พบไม่บ่อยนักมีดังนี้
- ปวดเมื่อยเนื้อตัว
- เจ็บคอ
- ท้องเสีย
- ตาแดง
- ปวดศีรษะ
- สูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นและรับรส
- มีผื่นบนผิวหนัง หรือนิ้วมือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี
- หายใจลำบากหรือหายใจถี่
- เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก
- สูญเสียความสามารถในการพูดและเคลื่อนไหว
วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2563
วิทยาการข้อมูล(data science)
วิทยาการข้อมูล(data science)
แล้วสงสัยกันไหมว่าทำไมมันถึง “เซ็กซี่” ที่สุดในเวลานี้?
คำตอบก็คือว่า ในทุก ๆ วันมีข้อมูลไหลเวียนอยู่รอบตัวเราเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย วิดีโอ เพลง อีเมลข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ ข้อมูลด้านการเงิน ข้อมูลด้านการตลาด ฯลฯ เรียกได้ว่าสาธยายทั้งวันก็ไม่หมด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ถือว่าเป็น “สิ่งล้ำค่า” สำหรับภาคธุรกิจ ดังนั้นบริษัทใหญ่ ๆ จำนวนมาก จึงต้องการคนที่จะมาช่วยพวกเขาวิเคราะห์ข้อมูลพวกนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลบางอย่างออกมา เช่น พฤติกรรมการซื้อของชองลูกค้า ปัจจัยที่ส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ หรือเทรนด์ต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นประโยชน์ต่อบริษัทเป็นอย่างมากในการปรับกลยุทธ์ วางแผนการตลาด หรือการปรับปรุงการให้บริการโดยอาชีพที่จะมารับหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้มีคือ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) ซึ่งตอนนี้เรียกได้ว่า “เนื้อหอม” เอามาก ๆ เพราะคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านดังกล่าวในปัจจุบันยังมีจำนวนค่อนข้างน้อย บริษัทต่าง ๆ จึงพร้อมที่จ่ายค่าจ้างที่สูง-สูงมาก เพื่อให้ได้คนเหล่านี้มาทำงานให้กับองค์กร
- ใช้เครื่องมือพื้นฐานจำพวก R, Python และ SQL ได้
- มีความเข้าใจพื้นฐานด้านสถิติ (Statistics)
- เข้าใจการทำงานของ Machine Learning, Data Mining และ Big Data อย่างลึกซึ้ง
- มีความสามารถในการหาตัวแปรค่าต่างๆ ในแคลคูลัส และเส้นแอลจีบร้า
- แจกแจงและจำแนกข้อมูลได้ (Data Munging)
- เข้าใจเรื่อง Data Visualization & Communication
- มีความรู้ด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ (Software Engineering)
- คิดแบบนักวิทยาศาตร์ข้อมูลเป็น (Think Like A Data Scientist)
Big Data
Big Data
➤ ความหมาย
Big Data คือ คำนิยามของข้อมูลขนาดใหญ่มาก ที่ฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์ธรรมดาไม่สามารถที่จะรองรับการเก็บข้อมูลหรือจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งอีกนัยนึง Big Data คือเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมหรือ Platform ไอทีรุ่นใหม่ ซึ่งอาจมาในรูปแบบซอฟต์แวร์ ที่สามารถรองรับการจัดเก็บ การจัดการ กรองเลือกข้อมูล การวิเคราะห์ แสดงผล และการใช้งานข้อมูลที่มีคุณลักษณะดังต่อไปนี้
➤ ลักษณะของ Big Data (4V)
1. ที่มีปริมาณมาก (Volume) นั่นก็คือข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งรูปแบบ Online และ Offline ซึ่งส่วนมากแล้วจะมีปริมาณมากกว่าหน่วย TB (Terabyte) ขึ้นไป
2. มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Velocity) ส่งผ่านข้อมูล Update กันอย่างต่อเนื่อง (Real-time) จนทำให้การวิเคราะห์ง่ายๆแบบ Manual เกิดข้อจำกัด หรือไม่สามารถจับรูปแบบหรือทิศทางของข้อมูลได้
3. หลากหลายประเภทหรือแหล่งที่มา (Variety) รูปแบบของข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในรูปแบบ ตัวอักษร วิดีโอ รูปภาพ ไฟล์ต่างๆ และหลากหลายแหล่งที่มา
4. ยังไม่ผ่านการประมวลผล (Veracity) ยังไม่ผ่านการ Process ให้อยู่ในรูปแบบของข้อมูลดิบ (Raw Data) ที่สามารถใช้สร้างประโยชน์ต่อองค์กรได้
➤ ความสำคัญ
Big Data ช่วยให้คุณสามารถใช้ข้อมูลจากทุกแหล่งที่เป็นไปได้ และวิเคราะห์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเข้าใจผู้บริโภคได้มากขึ้น (Customer Insight) ลดต้นทุนได้ ลดเวลาระยะเวลาดำเนินการ และสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ยุค 5G/6G,lot,AI
ยุค 5G/6G,lot,AI
ยุค5G
ประโยชน์ของ 5G
นอกจากนี้ เทคโนโลยี 5G ยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเชื่อมต่อจำนวนมากๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต หรือที่เรียกกันว่า IoT อาทิ รถยนต์ไร้คนขับ การผ่าตัดได้จากระยะไกล หุ่นยนต์ในโรงงาน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานซึ่งถือว่ามีความเร็วมากกว่าเทคโนโลยี 4G เกิน 10 เท่า รวมถึงช่วยให้เกิดการใช้งาน AR และ VR ในกิจกรรมต่างๆ อาทิ การสำรวจภาคสนาม การสาธารณสุขทางไกล ความบันเทิง และท่อส่งข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการเข้าถึงการใช้งาน Cloud Computing ซึ่ง 5G ช่วยพัฒนาศักยภาพของระบบค้าปลีก การซื้อของออนไลน์ รวมถึงการใช้งานต่างๆ ของออฟฟิศอัจฉริยะ (Smart Office) และนำไปสู่ระบบเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) ในอนาคต
5G เหนือกว่า 4G อย่างไร?
1. ตอบสนองไวกว่า
ถ้าเราใช้ 4G สั่งงานควบคุมสิ่งต่างๆได้เร็วที่ 20 – 30 ms (Milli-second คือ 1:1,000 วินาที) แต่ถ้าใช้ 5G จะเร็วขึ้น 10 เท่า จะสั่งงาน IoT หรือสมาร์ทดีไวซ์ได้เร็วจริงถึง 3-4ms
2. รับส่งข้อมูลได้มากกว่า 4G
ถ้า 4G รับส่งข้อมูลต่อเดือนได้แค่ 7.2 Exabytes 5G จะทำให้เรารับส่งข้อมูลได้เพิ่มขึ้น 7 เท่า คือ 50 Exabytes ต่อเดือน
3. มีความถี่สำหรับใช้งานมากกว่า
ตอนใช้ 4G มีให้ใช้ถึงแค่ 3GHz แต่ถ้าเป็น 5G เราใช้งานคลื่นความถี่ได้ถึง 30GHz
4. รับรองการใช้งานในแต่ละพื้นที่ได้มากกว่า
ถ้า 4G รับคนได้ราว 1 แสนคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม. 5G จะรับได้ 10 เท่าคือรับได้ 1 ล้านคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม.
5. ถ่ายโอนข้อมูลต่อวินาทีได้เยอะกว่า
ถ้า 4G โอนข้อมูลเข้าเครื่องได้แค่ 1 GB ต่อวินาที 5G จะทำได้ถึง 20 GB ต่อวินาทีหรือ 20 เท่าของ 4G
5G ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไร?
ยุค6G
คาดว่าเทคโนโลยี 6G จะสามารถให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเร็วที่สุดในปี 2030
ถึงแม้เทคโนโลยี 6G ยังอยู่อีกยาวไกล แต่ 5G กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ คาดว่าผู้ให้บริการในประเทศจีน จะได้รับใบอนุญาต 5G ก่อนสิ้นปี 2018 และจะสามารถให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2019 นั่นหมายถึงสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ที่รองรับ 5G จะเริ่มเปิดตัวในปีหน้าด้วย
IoT คือ การที่อุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานเชื่อมต่อกันอย่างอัจฉริยะผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต สามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนและเซ็นเซอร์ที่คอยตรวจจับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว ลองมาดูตัวอย่างกัน
- การเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ โดยตรวจจับความมืดและความสว่าง
- รถยนต์คุยกัน หากรถยนต์มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น รถยนต์ก็สามารถแจ้งเตือนผู้ขับขี่ให้หลีกเลี่ยงเส้นทางนั้นได้ หรือถ้าล้ำไปอีก ในกรณีที่รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ก็จะหลบหลีกเส้นทางที่มีอุบัติเหตุอัตโนมัติ
- การตรวจจับพยากรณ์อากาศ เช่น ราวตากผ้าอัจฉริยะ ที่สามารถรับรู้ข้อมูลพยากรณ์อากาศ หากมีฝนตก ราวตากผ้าจะทำการเคลื่อนที่ไปยังที่ร่มทันที
- กล้อง CCTV ที่สามารถตรวจจับสิ่งผิดปกติได้ ถึงแม้จะอยู่ในที่มืด เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้น ระบบก็จะส่งข้อมูลไปยังสมาร์ทโฟน เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ทราบ
1 Sense – ตรวจจับรับสัญญาณด้วยเซนเซอร์
2 Transmit – รับส่งข้อมูลกับเครือข่าย
3 Store – เก็บข้อมูล
4 Analyze – วิเคราะห์ข้อมูล
5 Act – ตัดสินใจดำเนินการบางอย่าง
AI (Artificial Intelligence) หรือระบบปัญญาประดิษฐ์
ในภาษาไทยเราเรียก AI ว่าปัญญาประดิษฐ์ เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ถ้าใครเคยชมภาพยนต์เรื่อง Iron Man ก็คงจะเห็น Javis ที่เป็นคอมพิวเตอร์ผู้ช่วยของ Tony Strak เจ้าสิ่งนั้นก็เรียกว่า AI เช่นกัน ซึ่ง AI จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาตนเองให้ฉลาดขึ้น จำลองให้ฉลาดเทียบเท่ากับสมองมนุษย์มากที่สุด ซึ่งบางครั้งอาจจะฉลาดกว่ามนุษย์เสียด้วยซ้ำ ตัวอย่างดังนี้
- ผู้ช่วยสั่งการด้วยเสียง เช่น Apple Siri ใน iOS, Google Assistant, Amazon Alexa, Microsoft Cortana รวมถึง LINE Clova เป็นต้น สามารถโต้ตอบ จดจำและเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้
- ทางด้านการแพทย์ มีการพัฒนา AI มาช่วยในการวิเคราะห์การรักษาโรงมะเร็ง โดยวินิจฉัยและเอ็กซเรย์โรคมะเร็งปอด ช่วยให้การวินิจฉัยแม่นยำมากขึ้น
- ธุรกิจธนาคารที่ใช้หุ่นยนต์ AI ในการตอบคำถามหรือให้คำปรึกษากับลูกค้า โดยวิเคราะห์จากข้อมูลพฤติกรรมกับโต้ตอบของลูกค้า และช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง
AI และ IoT สามารถทำงานร่วมกันได้
หลังจากที่ได้ทราบความหมายและตัวอย่างเบื้องต้นของทั้ง 2 เทคโนโลยีกันแล้ว สังเกตได้ว่า IoT และ AI จะมีการทำงานร่วมกับอุปกรณ์เหมือนกัน แต่หลักการทำงานต่างกันชัดเจน แต่หากนำเทคโนโลยีทั้ง 2 มารวมกันแล้ว จะทำให้อุปกรณ์มีความฉลาดแบบสมบูรณ์แบบ เพราะนอกจากจะตรวจจับสิ่งต่างๆ ได้แล้ว ยังสามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ได้อีกด้วย
เห็นได้ว่า ทั้ง IoT และ AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เนื่องจากการพัฒนาทั้ง 2 สิ่งนี้จะช่วยในเรื่องของความปลอดภัยและความสะดวกสบายของมนุษย์มากขึ้น รวมถึงในภาคอุตสาหกรรมก็จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในด้านการผลิต เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น
ที่มา:https://www.iphonemod.net/how-difference-between-ai-and-iot.html
แบบฟอร์มของน.ส.อัจจิมา เหลืองประเสริฐ
กำลังโหลด…
-
ยุค 5G/6G,lot,AI ยุค5G ประโยชน์ของ 5G สำหรับคุณสมบัติหลักเด่นชัดของ 5G ที่เห็นได้ชัดเลยคงเป็นเรื่องของคุณภาพการรับชมวีดีโอ หรือการเล่น...
-
ข้อมูลมีคุณค่า ในยุคของข้อมูลสารสนเทศ ข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ถูกนำมาใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ การศึ...
-
วิทยาการข้อมูล(data science) วิทยาการข้อมูลเป็นศาสตร์ที่เป็นการบูรณาการ สถิติศาสตร์ การวิเคราะห์ข้อมูล และ การเรียนรู้ของเครื่อง เข้า...